การเผาถ่านที่ได้ยิ่งกว่าถ่านที่ดอยอ่างขาง

บุญวงศ์ ไทยอุตส่าห์
คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

เมื่อวันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด “ศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์” ณ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

ศูนย์สาธิตการใช้ไม้ฯ แห่งนี้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นเดียว ขนาด 12x40 ตารางเมตร จัดสร้างขึ้นจากเงินบริจาคของนายสมพร สหวัฒน์ ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทวนชัย จำกัด (มหาชน) โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2546 คุณสมพร สหวัฒน์ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินจำนวน 5 ล้านบาทให้มูลนิธิโครงการหลวงจัดสร้างอาคารและจัดซื้อครุภัณฑ์ประจำอาคารเพื่อการแปรรูปไม้และใช้ประโยชน์ไม้จากสวนป่าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

การปลูกสร้างสวนป่าของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มูลนิธิโครงการหลวง ได้เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2525 โดยความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน สถาบันวิจัยป่าไม้แห่งไต้หวัน และกองทุนพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งไต้หวัน โดยการนำพรรณไม้ต่างถิ่นและไม้ไผ่ชนิดต่างๆ กว่า 40 ชนิดจากไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น มาทดลองปลูกที่ดอยอ่างขาง ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร อากาศหนาวเย็นตลอดปี โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการศึกษา วิจัย สาธิต และฝึกอบรมด้านการปลูกสร้างสวนป่าและการใช้ประโยชน์ไม้ต่างถิ่นในระดับชุมชนชนบท

ผลการศึกษาพบว่า พรรณไม้ป่าและไม้ไผ่ต่างถิ่นที่เจริญเติบโตได้ดีที่ดอยอ่างขางได้แก่ไม้เพาโลว์เนีย เมเปิลหอม การบูร จันทร์ทอง กระถินดอย สนหนาม ไผ่หวานอ่างขาง (ไผ่หมาจู๋) ไผ่หยก(ไผ่ลี่จู๋) ไผ่มากินหน่อย ไผ่ลิตโตเพีย ไผ่แบมบูซอยเดส ไผ่ดำ และไผ่เหลี่ยม ส่วนไม้ไผ่พื้นเมืองของไทยที่เจริญเติบโตดีมีสองชนิดคือไผ่หกและไผ่บงใหญ่

จากผลการทดลองดังกล่าว มูลนิธิโครงการหลวงได้ส่งเสริมให้เกษตรกรตามศูนย์และสถานีต่างๆ ของมูลนิธิโครงการหลวงในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ปลูกไม้เหล่านี้ไว้ใช้สอยภายใต้การสนับสนุนของโครงการป่าชาวบ้านในพระบรมราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมาร

ในส่วนของสวนป่าที่ดอยอ่างขางก็มีการศึกษา วิจัย และจัดการตามหลักวิชาวนวัฒนวิทยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการลิดกิ่งและการตัดสางขยายระยะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพและเร่งการเจริญเติบโตของหมู่ไม้ที่เหลืออยู่ ส่วนไม้ขนาดเล็กรวมทั้งเศษไม้ปลายไม้ที่ได้ก่อนถึงอายุรอบหมุนเวียนในการตัดฟันดังกล่าว ทางโครงการฯ ก็ได้พยายามศึกษาหาลู่ทางในการนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ โดยในอดีตได้นำกิ่งไม้เล็กๆ ขนาดแท่งดินสอและด้ามปากกามามัดรวมกันแล้วใช้เพาะเห็ดหอมได้ผลดีมาก

แต่ศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์ที่สร้างขึ้นใหม่นี้สามารถนำไม้ขนาดเล็กที่ได้จากการลิดกิ่งและการตัดสางขยายระยะมาใช้ประโยชน์ได้ยิ่งกว่าการใช้เพาะเห็ดหอม เพราะศูนย์ไม้แห่งนี้ประกอบด้วยห้องแปรรูปไม้ท่อนและไม้ไผ่พร้อมเครื่องจักรกล ห้องทดสอบผลิตภัณฑ์ ห้องเก็บผลิตภัณฑ์ ห้องอบไม้ และเตาเผาถ่านไทย-อิวาเตะ พร้อมระบบควบแน่นเพื่อผลิตน้ำส้มไม้

ดังนั้น ศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์ จึงสามารถผลิตผลิตภัณฑ์ไม้ขนาดย่อมต่างๆ เพื่อการใช้ประโยชน์ อาทิ ไม้แปรรูปเพื่อใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป ไม้ซึ่งผ่านกรรมวิธีทางวิศวกรรมเพื่อใช้ในโรงหัตถกรรมไม้ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ถ่านก้อนและถ่านอัดแท่งเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานในการหุงต้ม ปิ้งย่าง ดูดซับก๊าซ กลิ่น สี ของที่ระลึกจากถ่าน รวมทั้งน้ำส้มไม้ (wood vinegar) และน้ำมันดินไม้ เพื่อใช้ในโครงการผักอินทรีย์ของมูลนิธิโครงการหลวง และผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มต่อไป

จุดเด่นของ การเผ่าถ่านที่ได้ยิ่งกว่าถ่านที่ดอยอ่างขาง” ของศูนย์สาธิตการใช้ไม้สมพรสหวัฒน์ก็คือ การก่อสร้างเตาเผาถ่านไทย-อิวาเตะ ขนาด 12 ลูกบาศก์เมตร2 เตา ให้ห่างกันประมาณ 4 เมตร โดยให้เตาทั้งสองอยู่ในห้องกำแพงอิฐมอญอีกชั้นหนึ่ง เพื่อใช้ความร้อนที่ได้จากการเผ่าถ่านสำหรับอบไม้ ส่วนควันจากเตาเผาถ่านก็บังคับให้ควบแน่นเป็นหยดน้ำกลายเป็นน้ำส้มไม้หรือ wood vinegar

เตาเผาถ่านขนาด 12 ลูกบาศก์เมตรทั้งสองเตา เผาถ่านได้เดือนละ 2-3 ครั้ง จุไม้เตาละ 6 ตัน ได้ถ่านจากการเผาครั้งหนึ่งๆ ประมาณ 1.5 ตัน ได้น้ำส้มไม้ประมาณ 400 ลิตร ราคาซื้อขายถ่านกิโลกรัมละ 5 บาท น้ำส้มไม้ลิตรละ 80-120 บาท รายได้ในเบื้องต้นจากน้ำส้มไม้จึงสูงกว่าจากถ่านไม้ราว 4-6 เท่า ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าเป็นการเผาถ่านที่ได้มากกว่าถ่าน

น้ำส้มไม้เป็นผลพลอยได้จากการเผาถ่านภายใต้การควบคุมโดยการควบแน่นเป็นของเหลวสีน้ำตาลใส มีกลิ่นควันไม้ มีสารประกอบต่างๆ มากกว่า 200 ชนิด เช่น กรดอินทรีย์และแอลกอฮอล์ชนิดต่างๆ ที่ได้จากการสลายตัวของเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนิน มีค่า pH (ค่าความเป็นกรดเป็นด่าง) อยู่ระหว่าง 1.5-3.7 ค่าความถ่วงจำเพาะสูงกว่า 1.005 ใส และไม่มีสารแขวนลอย ใช้เป็นสารปรับปรุงดิน กำจัดวัชพืชและศัตรูพืช เร่งการเจริญเติบโตของพืช ป้องกันรักษาเนื้อไม้จากการทำลายของเชื้อราและแมลง ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ผลิตสารดับกลิ่นตัว สารปรับผิวนุ่ม ยารักษาโรคผิวหนัง อุตสาหกรรมย้อมผ้า อุตสาหกรรมอาหารรมควัน และใช้ผลิตสารช่วยย่อย ฯลฯ ซึ่งญี่ปุ่นและเกาหลีมีการใช้กันแพร่หลายมานานแล้ว

ในส่วนของถ่านไม้เองนั้น คนไทยส่วนใหญ่รู้จักถ่านในฐานะผู้ให้พลังงานเพื่อการหุงต้มเท่านั้น แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นเห็นคุณค่าอันมหาศาลของถ่านไม้และไม้ไผ่ จนสถาบันชีวิตมนุษย์แห่งกรุงโตเกียวมีแผนจะลงทุนปลูกไผ่เพื่อผลิตถ่านไม้ไผ่ในประเทศไทยเพื่อการส่งออก

ถ่านเป็นผลิตผลจาการสลายตัวไม้ด้วยความร้อน ซึ่งมีคุณสมบัติแตกต่างกันไปตามชนิดไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบและระดับความร้อนในการเผา โดยสามารถจำแนกถ่านออกได้ 2 ชนิด คือถ่านดำและถ่านขาว คนไทยยังรู้จักถ่านขาวกันน้อยมาก ความจริงไม่ได้มีสีขาวดังชื่อ แต่เป็นถ่านที่เผาด้วยความร้อนที่สูงกว่าปกติ เมื่ออุณหภูมิขึ้นสูงถึง 1,100 องศาเซลเซียสแล้วต้องดับทันที

ไม้ไผ่ให้ถ่านขาวที่มีชื่อเสียงมาก กระดิ่งถ่านขาวจากกระบอกไม้ไผ่ให้เสียงใสก้องกังวาล ถ่านขาวใช้ทำน้ำแร่ ดูดซับกลิ่นและอินทรียสารต่างๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ แร่ธาตุต่างๆ ในถ่านเมื่อละลายออกมาจะช่วยเพิ่มรสชาติและคุณภาพของน้ำ เมื่อนำมาชงน้ำชา กาแฟ หรือปรุงอาหาร และผสมเหล้าจะได้รสชาติที่นุ่มละมุน เมื่อวางบนข้าวสุกที่อยู่ในภาชนะจะทำให้ข้าวและอาหารมีรสชาติดียิ่งขึ้น ใช้ทำน้ำร้อนสำหรับอาบที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับน้ำพุร้อน

ส่วนถ่านดำนอกจากจะใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อการหุงต้มดังที่ทราบกันดีอยู่แล้วนั้น ยังใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมโลหะ อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมผลิตฉนวน อุตสาหกรรมธูป พลุ ดอกไม้ไฟ ฯลฯ รวมทั้งใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เช่น ใช้ดูดกลิ่น ดูดความชื้นในบ้านเรือน เพิ่มความบริสุทธิ์ของบรรยากาศ ใช้บำบัดน้ำทิ้งจากบ้านเรือน ใช้ปรับปรุงดินทางการเกษตร และใช้รองพื้นในคอกปศุสัตว์ เป็นต้น ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ท่านเห็นแล้วหรือยังครับว่าการเผาถ่านนั้นได้ยิ่งกว่าถ่านจริงๆ นะครับ

 

 
ศูนย์สาธิตการใช้ไม้ สมพรสหวัฒน์
 
สวนป่าที่ดอยอ่างขาง   ถ่านอัดแท่ง
   
                                                                                       น้ำส้มไม้ (wood vinegar)

 

 

 

 

 

 

 

 

ขอสงวนสิทธิ์ รูปภาพในเวปเพจทั้งหมด
ภาควิชาวนวัฒนวิทยา คณะวนศาสตร ์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เลขที่ 50 ถนนพหลโยธิน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900

โทรศัพท์ 0-2579-0171 , 0-2942-8112
Webmaster @ Department of Silviculture